คงไม่มีใครปฏิเสธถึงกลิ่นหอมของกุหลาบได้ จึงได้มีการนำกุหลาบมาสกัดเป็นน้ำหอม ให้กลิ่นหอมที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล พันธุ์กุหลาบที่ใช้ได้แก่ กุหลาบพันธุ์ดามัสก์ (Damask Rose : R.dama-scena) กุหลาบอัลบา (Rose alba) และกุหลาบปูโต (Puteaux Rose : R.bifera var.) ซึ่งบ้านเรายังมีปลูกกุหลาบสายพันธุ์เหล่านี้อยู่ แต่เป็นกุหลาบลูกผสมสายพันธุ์ดามัสก์ เช่น กุหลาบมอญ Rosa damascena ที่เรารู้จักกันดี กุหลาบชนิดนี้ แรกเริ่มนำมาจากเมืองมอญ และเป็นดอกไม้ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงโปรด พระองค์ท่านได้นำกลับมาหลังจากเสร็จสงครามที่เมืองมอญ พระยาวินิจ วนันดร ได้กล่าวไว้ในหนังสือไม้ประดับของไทย กุหลาบมอญเป็ฯที่รู้จักกันมานานและนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายมาจนถึงยุคที่มีการนำเข้ากุหลาบลูกผสมจากยุโรป กุหลาบพันธุ์นี้ก็ได้เลือนหายไปบ้าง แต่ยังคงมีหลงเหลืออยู่ในหมู่นักอนุรักษ์บ้าง ในปัจจุบันกลับมานิยมกันอีกครั้งเนื่องจากความงามของสีดอกชมพูแกมม่วงอ่อน มีกลิ่นหอมชื่นใจ ให้ดอกดกในช่วงฤดูร้อนถึงแม้จะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ก็ยังเป็นที่นิยม เราใช้กลีบกุหลาบแต่งหน้าขนมประเภทตะโก้ หรือนำมาลอยน้ำดื่ม ก็ให้กลิ่นหอมชื่นใจ
ประโยชน์ของกุหลาบอีกอย่างหนึ่งคือ ใช้ประดับตกแต่ง งานแต่งงาน เจ้าบ่าว เจ้าสาว นิยมนำดอกกุหลาบมาประดับมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่นๆ เนื่องจากเป็นตัวแทนแห่งภาษารักแล้วยังมีความหอมละมุนอบอวนไปทั้งงานอีกด้วย
บทความจากหนังสือกุหลาบราชินีแห่งดอกไม้
โดย อาจารย์เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล
โดย อาจารย์เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น