วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ควรให้น้ำกุหลาบมากน้อยแค่ไหน?


กุหลาบเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงแต่ไม่จำเป็นต้องลดน้ำทุกวัน การให้น้ำกุหลาบควรให้ตั้งแต่เช้า เพื่อน้ำจะถูกนำไปใช้และระเหยหมดไปในระหว่างวัน จะได้ไม่เกิดเชื้อแบคทีเรียที่มากับน้ำและที่สำคัญ ข้อควรระวังอย่ารดน้ำให้โดนใบเนื่องจากโรคบางโรคที่อยู่ตามใบหรือกิ่งอาจจะแพร่ระบาดกระจยไปได้โดยง่าย น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำที่สะอาดไม่เป็นกรดหรือด่าง มีค่า pH เท่ากับ 7 น้ำฝนหรือน้ำประปาก็สามารถรดได้เลย หากเป็นน้ำบาดาลควรพักน้ำทิ้งไว้ให้น้ำตกตะกอนเสียก่อน มิฉนั้นคราบสนิมที่ปะปนมากับน้ำบาดาลจะทำลายใบและดอกได้ และทำให้เกิดโรคตามมา

การให้น้ำกุหลาบในฤดูฝน
ต้องดูว่าฝนตกน้ำขังหรือไม่ หากน้ำขังต้องหาทางระบายออกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฤดูกาลนี้กุหลาบจะอ่อนแอต่อโรคบางโรค ฝนเป็นตัวช่วยในการระบาดมากยิ่งขึ้น นอกจากรากเน่าแล้ว จะเกิดโรคจากรากลุกลามต่อไปอีก หากฝนตกติดต่อกันก็ไม่ต้องรดน้ำก็ได้

การให้น้ำกุหลาบในฤดูแล้ง
ต้องระวังจุดน้ำขังให้มากๆ เพราะแดดแรง น้ำที่ขังอยู่จะกลายเป็นน้ำร้อน ทำให้กุหลาบเหียวเฉาในที่สุด (ควรเด็ดทิ้ง) กุหลาบในฤดูนี้จะอ่อนแอมีโรคมาก ดอกเล็ก ควรเอาใจใส่ให้ดี

ฤดูไหนล่ะที่กุหลาบเจริญเติบโตได้เร็ว ฤดูร้อนที่กุหลาบเหน็ดเหนื่อยกับแสงแดดแผดกล้าแล้วย่างเข้าฤดูฝน ความเย็นชุ่มฉ่ำจากสายน้ำทำให้กุหลาบแตกยอดอ่อนเจริญงดงามเป็นพุ่มกอได้ (ยอดอ่อนออกช่วงหน้าร้อน แดดมักเผาเสียหายยอดกุด) ช่วงราวเดือนพฤษพาคม-มิถุนายน ยิ่งก้าวเข้าหนาหนาวเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธุ์ ก็ยังเจริญเติบโตได้ดีอยู่

Tips
  • การให้น้ำกุหลาบอย่าลืมว่า ต้องให้น้ำในตอนเช้าอย่าเกิน 9 โมง และอย่างรดน้ำช่วงบายสามโมง (ดินกำลังร้อนพอเจอน้ำ น้ำนั้นอาจจะปรับสภาพเป็นน้ำร้อนได้)
  • ถ้าดินที่เราปลูกเป็นดินเหนียวก็อาจให้น้ำวันเว้นวันได้

บทความจากหนังสือกุหลาบราชินีแห่งดอกไม้
โดย อาจารย์เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น